
1. ริมคลองโอตารุ (Otaru Canal Area), Otaru
ในอดีต เมืองโอตารุเคยเป็นท่าเรือที่คึกคักในต้นศตวรรษที่ 20 แต่ด้วยการพัฒนาของระบบขนส่งที่ทันสมัย ทำให้เมืองนี้ค่อยๆ สูญเสียความสำคัญไป จนเหลือเพียงหมู่บ้านชาวประมงเฮอร์ริ่ง อย่างไรก็ตาม ความงามของเมืองนี้ได้รับการปรับปรุงให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยเปลี่ยนโกดังเก็บสินค้าทะเลเป็นร้านอาหารและพิพิธภัณฑ์ และติดตั้งโคมไฟแบบโบราณตามถนนข้างคลองโอตารุ เพิ่มความโรแมนติกให้กับเมือง
เวลาเปิดทำการ: เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าเข้าชม
2. ป้อมโงเรียวกาคุ (Fort Goryokaku), Hakodate
ป้อมดาวห้าแฉกโงเรียวกาคุ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฮาโกดาเตะ มีชื่อเรียกนี้เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายดาวห้าแฉกเมื่อมองจากมุมสูง สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเอโดะเพื่อป้องกันอิทธิพลจากตะวันตก ใจกลางป้อมเป็นที่ตั้งของทำการรัฐบาลยุคโชกุนของฮอกไกโด ปัจจุบันได้รับการบูรณะเป็นสวนสาธารณะที่มีดอกซากุระบานสะพรั่งในเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ยังมีหอคอยสูง 90 เมตรเพื่อชมวิว 360 องศา ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2006 มีร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร และนิทรรศการประวัติศาสตร์
เวลาเปิดทำการ: เดือนเมษายนถึงตุลาคม 08.00-19.00 น. และเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน 09.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม: สวนสาธารณะภายในป้อมเข้าฟรี ทำการรัฐบาลเดิมค่าเข้าผู้ใหญ่ 500 เยน นักศึกษาและผู้สูงอายุ 250 เยน เด็กเข้าฟรี หอคอยโงเรียวกาคุค่าเข้าผู้ใหญ่ 840 เยน นักเรียนและนักศึกษา 630 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเข้าฟรี
3. จุดชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ (Mount Hakodate), Hakodate
ภูเขาฮาโกดาเตะ ที่สูง 334 เมตร เป็นหนึ่งในสามจุดชมวิวที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่น จากยอดภูเขา คุณสามารถชื่นชมทัศนียภาพอันกว้างขวางของเมืองฮาโกดาเตะที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล ทัศนียภาพที่นี่มีความงามที่แตกต่างกันระหว่างกลางวันและกลางคืน
เวลาเปิดทำการ: ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงตุลาคม 10.00-22.00 น. และตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมถึงเดือนเมษายน 10.00-21.00 น.
ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าเข้าชมสำหรับจุดชมวิว แต่หากใช้บริการเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปยังจุดชมวิว ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่คือ 1,280 เยน และเด็กคือ 640 เยน
4. ทุ่งดอกไม้ ฟูราโน่ (Furano Flower Field), Furano
ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ในฮอกไกโด ซึ่งปลูกมากว่าครึ่งศตวรรษ ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองฟูราโน่ ดอกลาเวนเดอร์จะบานสะพรั่งในช่วงกลางกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม และยังคงบานจนถึงกลางเดือน นอกจากนี้ยังมีดอกไม้หลากหลายชนิดในฤดูกาลอื่นๆ เช่น ดอกป๊อปปี้และลูปินในมิถุนายน ดอกลิลลี่ในกรกฎาคม และดอกทานตะวัน ซัลเวีย คอสมอสในสิงหาคมถึงกันยายน
ฟาร์มโทมิตะเป็นจุดชมที่สวยที่สุด มีทิวทัศน์ของภูเขาโทกะชิเป็นฉากหลัง ที่นี่เปิดฟรีและมีร้านกาแฟและร้านค้าขายผลิตภัณฑ์ลาเวนเดอร์
เวลาทำการ: เปิดทุกวัน 09.00-17.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
5. ลานสกีฟูราโน่ (Furano Ski Area), Furano
แหล่งท่องเที่ยวนี้ดึงดูดนักเล่นสกีจำนวนมากที่มาเพื่อไม่เพียงแต่การเที่ยวชมและการลิ้มลองอาหาร แต่ยังเพื่อการเล่นสกีที่ลานสกีฟูราโน่ ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันสกีระดับนานาชาติ ที่นี่มีทั้งเส้นทางสำหรับผู้เริ่มต้นและเส้นทางที่ท้าทายสำหรับนักสกีมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอื่นๆ เช่น การนั่งรถลากโดยสุนัขบนหิมะ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่คุณอาจเคยเห็นในภาพยนตร์
เวลาทำการ: ลานสกีเปิดบริการตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 20.00 น. ในช่วงฤดูหนาว
ค่าบริการเข้าชม: สำหรับการเล่นสกี 3 ชั่วโมง คิดเป็น 4,000 เยน หากต้องการใช้บริการทั้งวัน ราคาอยู่ที่ 5,500 เยน และสำหรับช่วงเวลา 17.00 น. ถึง 21.00 น. ค่าบริการคือ 1,600 เยน โดยยังไม่รวมค่าเช่าอุปกรณ์
6. ล่องเรือชมธารน้ำแข็งอะบาชิริ (Abashiri Drift Ice), Abashir
ธารน้ำแข็งอะบาชิริ นับเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดของฮอกไกโด โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ธารน้ำแข็งจะปรากฏให้เห็น ซึ่งปกติแล้วจะพบได้เฉพาะในมหาสมุทรอาร์กติก การชมธารน้ำแข็งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คุณควรลองประสบการณ์การนั่งเรือตัดน้ำแข็งที่จะพาคุณผ่านทิวทัศน์อันงดงาม ชื่อของเรือตัดน้ำแข็งมาจากการที่เรือสามารถแยกแผ่นน้ำแข็งออกเพื่อเดินทางไปยังจุดหมาย มีบริการเรือตัดน้ำแข็ง 4-5 รอบต่อวัน แต่ควรตรวจสอบตารางเวลาก่อนการเดินทาง
เวลาทำการ: บริการเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 15.30 น.
ค่าบริการเข้าชม: ค่าโดยสารเรืออยู่ที่ 540 เยนต่อคน
7. หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani noboribetsu), Noboribetsu
หุบเขาที่มีชื่อเสียงว่าเป็น “หุบเขานรก” นี้ มีความงดงามที่ไม่ควรพลาด แม้จะมีกลิ่นของกำมะถันจากน้ำพุร้อนที่ไหลผ่าน สร้างควันที่ลอยคลุ้งอยู่เสมอ ทำให้ดูเหมือนหุบเขามีควันพวยพุ่ง แต่นั่นก็เพิ่มเสน่ห์ให้กับหุบเขา ที่นี่มีเส้นทางเดินที่จะนำคุณไปยังบ่อน้ำร้อนและบ่อโคลนที่มีความสวยงาม ไม่น่าแปลกใจที่หุบเขานี้ได้กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ของหลายประเทศ รวมถึงภาพยนตร์ไทยที่มีชื่อว่า “แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว”
8. บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen), Noboribets
บ่อน้ำร้อนโนโบริเบทสึ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบ่อน้ำร้อนที่เยี่ยมยอดที่สุดของญี่ปุ่น ด้วยความหลากหลายของบ่อน้ำร้อนที่มีถึง 9 แบบ บางที่อาจมีถึง 11 แบบ แต่ละแบบมีแร่ธาตุที่แตกต่างกัน เช่น บ่อน้ำพุร้อนที่มีกำมะถัน บ่อน้ำพุร้อนที่มีเกลือ และบ่อน้ำพุร้อนที่มีโซเดียมไบคาร์บอเนต เมื่อมาถึงที่นี่ คุณสามารถเลือกบ่อน้ำพุร้อนที่ต้องการได้โดยปรึกษากับโรงแรมที่จัดให้บริการบ่อน้ำพุร้อนเหล่านั้น ค่าบริการเริ่มต้นที่ 700 เยน และอาจสูงถึง 2,500 เยน หากคุณต้องการพักค้างคืน ราคาอาจจะสูงขึ้น
เวลาทำการ: บ่อน้ำพุร้อนส่วนใหญ่เปิดให้บริการตั้งแต่ 7.00 น. และปิดไม่เกิน 21.00 น. อย่างไรก็ตาม บางแห่งอาจเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง
9. สระอะโออิเคะ (Aoiike Blue Pond), Biei
สระอะโออิเคะ ที่ตั้งอยู่ใกล้เทือกเขาโทกาชิในเมืองบิเอะ มีเอกลักษณ์ด้วยสีน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ในช่วงฤดูร้อน สระน้ำจะมีสีฟ้าที่สดใส และเมื่อฤดูหนาวมาถึง สีของน้ำจะกลายเป็นสีฟ้าอมเขียวที่งดงาม ซึ่งเป็นการสะท้อนของแสงแดดกับอลูมิเนียมออกไซด์ที่มีอยู่มากในน้ำ ทำให้สระนี้มีสีที่แตกต่างกันไปตามมุมมองและแสงที่ส่องถึง
เวลาทำการ: สามารถเข้าชมได้ ตลอด 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชมสระน้ำ
10. สวนสัตว์อะซาฮิยาม่า (Asahiyama Zoo), Asahiyama
สวนสัตว์นี้เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวชั้นนำของฮอกไกโดที่ไม่ควรพลาด ด้วยความพิเศษของการจัดแสดงที่ไม่เหมือนใคร เช่น ทางเดินอุโมงค์ที่ทำให้คุณได้สัมผัสกับนกเพนกวินที่กำลังว่ายน้ำอย่างใกล้ชิด หรือโดมที่คุณสามารถเห็นหมีขั้วโลกในสภาพแวดล้อมที่เหมือนจริง และไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดคือการชมขบวนพาเรดของเพนกวินที่เดินผ่านทางหิมะ ซึ่งคุณสามารถเข้าใกล้พวกมันได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ
เวลาทำการ: สวนสัตว์เปิดทำการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.30 น. ถึง 15.30 น. และในบางช่วงอาจเปิดถึงเวลา 17.00 น.
ค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมคือ 820 เยน
11. โจซังเคออนเซ็น (Jozankei Onsen), Sapporo
ออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชิโกะซุ โทยะ นี้ เป็นที่นิยมอย่างมากไม่เพียงแต่สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวบ้านในพื้นที่ด้วย เนื่องจากมีการเดินทางที่สะดวกสบายและทิวทัศน์ที่งดงามเป็นฉากหลัง ทำให้มีชื่อเล่นว่า “ห้องนั่งเล่นของซัปโปโร” รอบๆ ออนเซ็นมีโรงแรมแบบเรียวกังมากมาย ค่าใช้จ่ายสำหรับการแช่ออนเซ็นอยู่ที่ประมาณ 1,000 ถึง 1,500 เยน แต่หากคุณต้องการเพียงแค่แช่เท้า คุณสามารถทำได้ฟรีๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
12. โรงงานช็อคโกแล็ต (Shiroi Koibito), Sapporo
คุกกี้เนยสไตล์ฮอกไกโดที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีคือ Shiroi Koibito ซึ่งมีไส้ช็อคโกแลตสีขาวและผลิตโดย Ishiya บริษัทนี้ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าชมกระบวนการผลิตคุกกี้ที่น่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมีขนมหลากหลายประเภท เช่น คัพเค้ก ไอศกรีมนุ่ม และช็อคโกแลต และสำหรับผู้ที่สนใจในการทำคุกกี้ด้วยตัวเอง โรงงานยังมีการสอนทำคุกกี้ในเวิร์คช็อปสั้นๆ
เวลาทำการ: เวลาทำการของโรงงานคือทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 18.00 น.
ค่าเข้าชม: ค่าเข้าชมโรงงานคือ 600 เยน
13. Sapporo TV Tower, Sapporo
หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ซัปโปโร ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของสวนโอโดริในเมืองซัปโปโร มีความสูง 142.7 เมตร และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพราะมีจุดชมวิวที่ความสูง 90 เมตรจากพื้นดิน นอกจากนี้ยังมีการจัดเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี
เวลาทำการ: เวลาทำการคือวันพฤหัสบดีถึงวันอังคาร ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ถึง 22.00 น.
ค่าเข้าชม: สำหรับค่าบริการ ผู้ใหญ่คือ 720 เยน นักเรียนและนักศึกษาคือ 300 ถึง 600 เยน และเด็กเล็กคือ 100 เยน
14. จุดชมวิว Mount Moiwa, Sapporo
ภูเขาโมอิวะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของซัปโปโร เป็นจุดที่สามารถชมทัศนียภาพของเมืองยามค่ำคืนได้อย่างสวยงาม หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน การเดินทางขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขานั้น ต้องใช้กระเช้าและเคเบิ้ลคาร์ นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหาร “The Jewel” ที่เสนออาหารอร่อยพร้อมทิวทัศน์อันตระการตาของเมืองซัปโปโร
เวลาทำการ: เวลาทำการของภูเขาโมอิวะคือทุกวันตั้งแต่ 10.30 น. ถึง 22.00 น.
ค่าเข้าชม: สำหรับค่าใช้จ่าย ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่าใช้จ่ายสำหรับกระเช้าและเคเบิ้ลคาร์ที่ 1,700 เยน
15. Niseko ski resort, Nisek
นิเซโกะ เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ของฮอกไกโด ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายด้วยความเหมาะสมสำหรับการสกี ด้วยหิมะที่นุ่มนวล ทำให้การล้มไม่รู้สึกเจ็บปวด ในเมืองนี้ ภาษาอังกฤษถูกใช้เป็นภาษาหลัก และยังมีบ่อน้ำร้อนที่อนุญาตให้แช่น้ำได้โดยสวมเสื้อผ้า นอกจากนี้ ในพื้นที่สกียังมีรีสอร์ทที่เปิดให้บริการทั้งที่พักและเช่าอุปกรณ์สกี มีทั้งหมด 4 แห่ง โดยค่าเช่าอุปกรณ์มีราคาตั้งแต่ 3,000 ถึง 8,000 เยน
16. Sapporo Beer Museum, Sapporo
หลายคนที่ชื่นชอบเบียร์อาจคุ้นเคยกับซัปโปโร เบียร์ ซึ่งมีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในไทย แต่คุณอาจไม่ทราบว่า ยี่ห้อนี้เป็นหนึ่งในเบียร์ที่มีประวัติยาวนานที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับความนิยมอย่างมากจนถูกส่งออกไปทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรจึงถูกสร้างขึ้นเพื่อเล่าเรื่องราวและประวัติของเบียร์นี้ให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก หลังจากที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แล้ว ผู้เข้าชมยังสามารถชิมเบียร์ได้ฟรีอีกด้วย
เวลาทำการ: เปิดบริการตั้งแต่วันอังคารถึงวันอาทิตย์ เวลา 11.30 น. – 20.00 น.
ค่าเข้าชม: เข้าชมได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
17. ทะเลสาบอะกัง (Lake Akan)
ทะเลสาบอะกังเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติอะกัง มีเส้นรอบวงยาว 26 กิโลเมตร ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้หนาทึบ และเป็นที่อยู่ของสาหร่ายมาริโมะ ซึ่งเป็นสาหร่ายทรงกลมสีเขียวที่หายาก
การเดินทาง: ทะเลสาบอะกังอยู่ทางเหนือของเมืองคุชิโระประมาณ 75 กิโลเมตร มีบริการรถบัสจากสนามบินคุชิโระไปยังทะเลสาบ 3-4 เที่ยวต่อวัน หรือหากเช่ารถขับเอง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาทีถึงทะเลสาบอะกัง และเพียง 1 ชั่วโมงก็สามารถไปยังทะเลสาบอื่นๆ ในอุทยานได้ เช่น ทะเลสาบมาซู, ทะเลสาบคุชชะโระ และคาวายุออนเซ็น
18. คาบสมุทรชิเรโตโกะ (Shiretoko Peninsula)
ฮอกไกโดเป็นที่รู้จักและเป็นที่ภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปี 2005 ภูมิภาคนี้ยังเป็นบ้านของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด เช่น แมวน้ำ, หมี, นกอินทรี, หมาป่า และอีกมากมาย
การเดินทาง: จาก Bus Terminal ให้เดินประมาณ 650 เมตรไปยังอาคารจำหน่ายตั๋วที่อยู่ทางฝั่งซ้าย จากนั้นเดินผ่านอุโมงค์ไปอีก 200 เมตรจะถึงท่าเรือ ที่นี่คือท่าเรืออูโทโร่ (Utoro) ซึ่งเรือชมคาบสมุทรชิเรโทโกะจะออกเดินทาง ท่าเรือตั้งอยู่หลังจากหินโอรอนโคอิวะ (Oronkoiwa Rock) ใกล้กับใจกลางเมือง